1057 จำนวนผู้เข้าชม |
ไฟเบอร์กลาส คืออะไร
ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) เป็นวัสดุผสม (Composite Material) ที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นด้านความแข็งแรง น้ำหนักเบา และทนต่อการกัดกร่อน วัสดุชนิดนี้ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ใยแก้ว (Fiberglass) และ เรซิ่น (Resin) ทั้งสองทำงานร่วมกันเพื่อสร้างชิ้นงานที่มีความทนทานและสามารถปรับรูปทรงได้ตามต้องการ
ส่วนประกอบของไฟเบอร์กลาส
ใยแก้ว (Fiberglass)
ใยแก้วเกิดจากการนำทรายซิลิก้า (Silica Sand) มาหลอมที่อุณหภูมิสูงจนกลายเป็นของเหลว จากนั้นทำการดึงขึ้นรูปให้กลายเป็นเส้นใยเล็กๆ ลักษณะคล้ายเส้นด้าย เมื่อรวมกันหลายๆ เส้นสามารถนำมาทอเป็นผืนคล้ายผ้าใยแก้ว (Fiberglass Cloth หรือ Fiberglass Mat)
หน้าที่หลัก ของใยแก้วคือช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ชิ้นงาน
ใยแก้วสามารถทนแรงดึง แรงดัด และแรงกระแทกได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับชิ้นงานที่ต้องการความทนทาน
ตัวอย่างการใช้งาน เช่น ตัวถังเรือไฟเบอร์ อะไหล่รถยนต์ และแผ่นกันกระแทก
เรซิ่น (Resin)
เรซิ่นคือพลาสติกเหลวที่ต้องผสมกับสารเคมี (สารเร่งแข็ง หรือ Hardener) เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาและแข็งตัวเป็นของแข็ง เมื่อเรซิ่นแข็งตัวแล้ว จะทำหน้าที่เป็นตัวประสานยึดเส้นใยแก้วให้รวมกันเป็นชิ้นงานเดียว
คุณสมบัติของเรซิ่น คือใส สามารถผสมสีได้ง่าย และขึ้นรูปตามแม่พิมพ์ได้หลากหลาย
เมื่อแข็งตัวแล้ว เรซิ่นจะช่วยให้ชิ้นงานมีผิวเรียบสวยงาม และยังป้องกันความชื้นหรือสารเคมีซึมเข้าไปในเส้นใยแก้ว
คุณสมบัติเด่นของไฟเบอร์กลาส
น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง เมื่อเทียบกับโลหะ ไฟเบอร์กลาสมีน้ำหนักเบากว่ามาก แต่ยังสามารถรับแรงได้ดี
ทนต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิมเหมือนเหล็ก และทนต่อสารเคมีหลายชนิด
ขึ้นรูปง่าย สามารถผลิตได้หลายรูปทรง ทั้งแบบเรียบ โค้ง หรือซับซ้อน โดยใช้แม่พิมพ์
การใช้งานไฟเบอร์กลาสในอุตสาหกรรม
ไฟเบอร์กลาสถูกนำไปใช้ในหลายด้าน เช่น
อุตสาหกรรมการต่อเรือ : ผลิตเรือเล็ก เรือสปีดโบ๊ท หรือเจ็ทสกี เนื่องจากต้องการวัสดุที่เบาและทนต่อน้ำทะเล
อุตสาหกรรมยานยนต์ : ใช้ทำกันชน ฝากระโปรง หรือชิ้นส่วนที่ต้องการน้ำหนักเบาเพื่อลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
งานก่อสร้าง : ใช้ทำถังเก็บน้ำ แผ่นหลังคา และอ่างอาบน้ำ เนื่องจากทนต่อสภาพแวดล้อมและมีอายุการใช้งานยาวนาน
กระบวนการผลิตอ่างอาบน้ำไฟเบอร์กลาส
กระบวนการผลิตอ่างอาบน้ำไฟเบอร์กลาสมักจะทำด้วยแม่พิมพ์ โดยชิ้นงานจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
ชิ้นงานผิวชั้นนอก (Outer Surface)
เป็นส่วนที่ผู้ใช้งานสัมผัสโดยตรง จึงต้องการความเรียบสวยงามและมีความเงางาม มักจะเคลือบด้วยเจลโค้ท (Gelcoat) เพื่อให้ได้ผิวที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย
ชิ้นงานผิวชั้นใน (Inner Layer)
เป็นส่วนที่ทำจากการวางเส้นใยแก้วแล้วทาเรซิ่นซ้อนทับหลายชั้น เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
เมื่อทำทั้งสองส่วนเสร็จแล้ว จะนำมาประกบเข้าด้วยกัน กลายเป็นอ่างอาบน้ำที่สมบูรณ์หนึ่งชิ้น ซึ่งมีทั้งความแข็งแรงและความสวยงามในเวลาเดียวกัน